เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ ในการนำเอาพลังงานไฟฟ้ามาใช้ ในลักษณะพลังงานแสงสว่าง พลังงานความร้อน และพลังงานกล และต้องใช้ได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นในการบำรุงรักษา ความปลอดภัย มีอายุการใช้งานยืนนาน เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าเหมือนเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันซึ่งจะขาดไม่ได้
ระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ตามปกติ แล้วไฟฟ้าจะไหลไปตามเส้นลวดที่เป็นตัวนำไฟฟ้าแล้วจะไหลติดต่อกันไปจนครบวงจร และถ้าหากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปแตะหรือสัมผัสเข้ากับวงจรไฟฟ้าทำให้ ไฟฟ้าไหลผ่านได้และร่างกายเราก็จะเป็นส่วนหนึ่งของวงจรไฟฟ้า ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือบาดเจ็บถึงชีวิตได้ ซึ่งกระแสไฟฟ้าเพียงแค่ 10 mA หรือแรงดันไฟฟ้า 25 V ก็อาจทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิต ค่าความต้านทานของร่างกายมนุษย์จะมีค่าประมาณ 10,000 โอห์ม ถึง 50,000 โอห์ม
อันตรายของวงจรไฟฟ้ามีองค์ประกอบ 3 อย่าง
1.กระแสไฟฟ้า คือ
จำนวนกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย
ถ้ากระแสไฟฟ้าต่ำอันตรายก็อันตรายน้อยแต่ถ้ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้นก็เป็นอันตราย
มากขึ้น จนถึงระดับหนึ่งอาจจะเสียชีวิตได้
2.แรงเคลื่อนไฟฟ้า คือ จำนวนแรงเคลื่อนไฟฟ้า
ถ้าแรงเคลื่อนไฟฟ้าต่ำอันตรายก็อันตรายน้อยแต่ถ้าแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงขึ้นก็
เป็นอันตรายมากขึ้น จนถึงระดับหนึ่งอาจจะเสียชีวิตได้
3.ความต้านทานของร่างกายของผู้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน คือ
ความต้านทานร่างกายของคนเราจะแตกต่างกันไป
เช่นผิวหนังที่มีความชื้นมีความต้านทานต่ำกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่าย
แต่ถ้าผิวหนังหยาบความต้านทานจะสูง กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ยาก
1.การช็อก คือ จากการที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายทำให้เกิดอาการกระตุ้นบริเวณกล้ามเนื้อ อย่างรุนแรงโดยเฉพาะบริเวณเส้นประสาทจะขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสที่ร่างกายได้ รับ
2.แผลไหม้ คือ การเกิดกระแสไฟฟ้าปริมาณมากๆ
ไหลผ่านร่างกาย
เมื่อร่างกายไปสัมผัสกับตัวนำไฟฟ้าความร้อนปริมาณมากๆที่เกิดการลัดวงจรทำ
ให้เกิดแผลไหม้แก่ผู้ทำการ
3.การระเบิด คือ การเกิดประกายไฟขึ้นไปทำให้ก๊าซที่จุดติดไฟได้ง่ายเกิดจุดติดไฟขึ้นมา
4.การบาดเจ็บที่ดวงตา คือ
การที่สายตากระทบถูกแสงอุลตร้าไวโอเล็ตหรือแสงเลเซอร์
ที่มีความเข้มข้นสูงดังนั้นการทำงานควรสวมแว่นตาที่กรองแสงได้เป็นพิเศษ
5.การบาดเจ็บของร่างกาย คือ
การที่ได้รับคลื่นไมโครเวฟและจากอุปกรณ์กำเนิดสัญญาณความถี่วิทยุ
สามารถทำอันตรายมนุษย์ได้โดยเฉพาะบริเวณที่มีปริมาณเลือดน้อย
ปริมาณกระแสไฟฟ้า | ผลกระทบที่มีต่อร่างกาย |
1 mA หรือ น้อยกว่า | ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย |
มากกว่า 5 mA | ทำให้เกิดการช็อก และเกิดความเจ็บปวด |
มากกว่า 15 mA | กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดเกิดการหดตัว และร่างกายจะเกิดอาการเกร็ง |
มากกว่า 15 mA | กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดเกิดการหดตัว และร่างกายจะเกิดอาการเกร็ง |
มากกว่า 30 mA | การหายใจติดขัด และสามารถทำให้หมดสติได้ |
50 ถึง 200 mA | ขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ และอาจจะเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที |
มากกว่า 200 mA | เกิดการไหม้บริเวณผิวหนังที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูด และหัวใจจะหยุดเต้นภายในเวลาไม่กี่วินาที |
ตั้งแต่ 1A ขึ้นไป | ผิวหนังบริเวณที่ถูกกระแสไฟฟ้าดูดถูกทำลายอย่างถาวร และหัวใจจะหยุดเต้นภายในเวลาไม่กี่วินาที |
ตารางแสดงผลกระทบที่มีต่อร่างกายมนุษย์ เมื่อถูกกระแสไฟฟ้าดูด
การปฐมพยาบาลผู้ประสบอุบัติเหตุ |
1. การปฐมพยาบาลด้วยการผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก
ขั้นที่1 วางผู้เคราะห์ร้ายให้อยู่ในแนวราบ แต่ถ้าอยู่บริเวณพื้นที่ลาดชันวางส่วนที่เป็นกระเพาะอาหารให้อยู่ต่ำกว่าบริเวณหน้าอกเล็กน้อย
ขั้นที่2 ตรวจบริเวณช่องปากตลอดจนลำคอว่าไม่มีสิ่งใดๆกีดขวางทางเดินหายใจ
ขั้นที่3 จับศรีษะของผู้เคราะห์ร้ายเอียงไปทางด้านหลังมากที่สุด โดยให้คางเงยขึ้นมาและจัดลำคอให้อยู่ในแนวตรงเพื่อให้อากาศใหลผ่านได้สะดวก
ขั้นที่4 ปิดจมูกของผู้เคราะห์ร้ายด้วยหัวแม่มือและนิ้วชี้อีกข้างหนึ่งส่วนมืออีก ข้างช่วยเปิดปากให้กว้าง จากนั้นประกบปากให้แนบสนิทและเป่าลมเข้าไป
ขั้นที่5 หลังจากเป่าลมหายใจเข้าไปแล้วสังเกตการเคลื่อนตัวบริเวณหน้าอกและสุดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
เพื่อทำการเป่าลมหายใจอีกครั้ง
ขั้นที่6 ถ้าหน้าอกของผู้เคราะห์ร้ายไม่เคลื่อนไหวให้ตรวจดูลำคอและทำการผายปอดใหม่
2. การปฐมพยาบาลด้วยวิธีนวดหัวใจ
ขั้นที่1 นำผู้เคราะห์ร้ายวางราบไปกับพื้นโต๊ะ โดยศรีษะแหงนขึ้นลำคอยืดตรง
ขั้นที่2 ตรวจสอบสิ่งต่างๆที่ติดค้างอยู่ในช่องปาก ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กีดขวางทางเดินหายใจ
ขั้นที่3 คุกเข่าลงบริเวณด้านข้างลำตัวของผู้เคราะห์ร้าย จากนั้นวางสันมือทั้งสองให้ซ้อนทับกันบนหน้าอก เหยียดแขนตรงจากนั้นกดสันมือลงไปโดยกดทรวงอกผู้ป่วยยุบลงประมา 1 นิ้ว เป็นจังหวะๆ ประมาณ 60 ครั้งต่อนาที
ขั้นที่4 ขณะที่ส่งโรงพยาบาลให้นวดหัวใจต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติหรือเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์แล้ว
การปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยของช่างไฟฟ้าและช่างอิเล็กทรอนิกส์ |
1.ใส่รองเท้าพื้นยางที่มีคุณภาพของฉนวนที่ดี
2.ใส่เสื้อผ้าสะอาดและรัดกุม
3. หลีกเลี่ยงการปฏิบัติงานในที่เปียกชื้น ถ้ามีความจำเป็นควรยืนบนโต๊ะไม้
4. การปฏิบัติงานติดตั้งในอาคารหรือนอกอาคารควรสมหมวกนิรภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น